4 ตัวช่วยผิวขาวเปล่งประกาย เร็วทันใจ ปลอดภัยได้ผลจริง

เทรนด์ความสวยความงามยุคนี้มีหลากหลาย แต่ที่สาวๆ ทุกคนอยากได้หนึ่งในนั้นคงไม่พ้นเรื่องการทำให้ผิวขาวกระจ่างใส มาดูกันว่าอาหารเสริมเพื่อผิวขาวนั้น โดยหลักๆ มีอะไรบ้าง แบบไหนที่ปลอดภัยได้ผลจริง

1. กลูต้าไธโอน
2. คอลลาเจน
3. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed)
4. วิตามินซี

1.กลูต้าไธโอน
ในทางการแพทย์พบว่ามีการนำมาทดลองใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้รับการอนุมัติข้อบ่งใช้จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เช่น ภาวะเป็นหมันในเพศชาย ปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งที่น่าแปลกใจ คือ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉีดกลูต้าไธโอนนั้นมีสีผิวที่ขาวขึ้น เนื่องมาจากกลูต้าไธโอนสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ได้ และส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้พยายามนำผลข้างเคียงของยามาใช้ในการทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการนำยามาใช้ในทางที่ผิดอีกรูปแบบหนึ่ง โดยในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่น่าเชื่อถือยืนยันหรือรับรองประสิทธิภาพและประโยชน์ของกลูตาไธโอนในการทำให้ผิวขาวได้อย่างแท้จริง

2. คอลลาเจน
มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดรับประทานอยู่ในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นคอลลาเจนจากปลาทะเล คนที่แพ้อาหารทะเลจึงควรระวังการบริโภคผลิตภัณฑ์นี้ โดยคุณสมบัติต่อผิวคือ ปรับสีผิวให้ดูขาวกระจ่างใสขึ้นภายในเวลาสั้นๆ และมีความขาวเรียบเนียนอย่างสม่ำเสมอ สร้างเส้นใยในชั้นผิวหนัง ที่จะทำให้ผิวมีความกระชับและเรียบเนียนยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้ผิวมีความแข็งแรง ช่วยลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลง และลดเลือนรอยดำได้อีกด้วย

3. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed)
เมล็ดองุ่นนำมาสกัดเป็นอาหารเสริมชนิดรับประทาน ซึ่งมีหลากหลายชนิดเช่นกัน สารสกัดเข้มขันจากเมล็ดองุ่น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินซี 20 เท่า และแรงกว่าวิตามินอี 50 เท่า ช่วยต่อต้านการทำลายเส้นใยคอลลาเจน และอิลาสตินในผิวหนังที่เกิดจากอนุมูลอิสระ เส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินเป็นโครงสร้างหลักในผิว ทำหน้าที่ค้ำจุนและให้ความยืดหยุ่น หากถูกทำลายไปก็จะเกิดรอยเหี่ยวย่นที่มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนเซลล์ผิวหนังในชั้นหนังกำพร้า (ชั้นนอกสุด) หากถูกทำลายจะปรากฏรอยแห้งกร้าน สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed) จึงช่วยรักษาความกระชับเต่งตึงของผิว ขณะเดียวกันก็ป้องกันริ้วรอยหยาบกร้านได้ นอกจากนี้ในผู้ที่มีปัญหาฝ้า หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สามารถช่วยลดความเข้มของสีผิวบริเวณที่ดำคล้ำลง จึงทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส

4. วิตามินซี
วิตามินซีมีอีกชื่อหนึ่งว่า Ascorbic acid มีคุณสมบัติเด่นๆ มากมาย ดังนี้
1.สามารถช่วยป้องกันหวัดได้ หากทานเป็นวิตามินซีประจำ จะช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของการเป็นหวัดแต่ละครั้งได้
2.เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยอนุมูลอิสระสามารถเป็นปัจจัยกระตุ้นในการสร้างเม็ดสีผิว วิตามินซีจึงมีส่วนทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย
3.ช่วยในการสร้างคอลลาเจน
4.ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย และทำให้แผลหายเร็วขึ้น
โดยปกติแล้วแต่ละคนจะต้องการวิตามินซีในปริมาณที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน รวมกับเพศและวัยด้วย ซึ่งในสภาวะปกติร่างกายจะต้องการเพียงวันละ 60 มิลลิกรัม แต่การรับประทานในขนาดที่มากขึ้นนั้น ก็เพราะเพื่อหวังผลในการรักษาหรือป้องกันโรค วิตามินซีเป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ และยังเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ จึงทำให้ไม่สะสมในร่างกาย โดยจะขับออกทางปัสสาวะ แต่ผู้ที่รับประทานจะต้องไม่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับไต เพราะสำหรับคนที่เป็นโรคไต การรับประทานวิตามินซีในขนาดที่สูงต่อวัน และทานติดต่อกันนานๆ จะทำให้อาการของโรคแย่ลงและเกิดนิ่วในไตได้ครับ แหล่งของวิตามินซีที่สำคัญ ได้แก่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ โดยประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฐานะวิตามินซีจากธรรมชาติได้แก่ Acerola Chery เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
LYCOPENE TOCOTRIENOL SOFT CAPSULE (TOMATO EXTRACT)<<
ACEROLA L-CYSTINE TABLET<<
ผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิว<<

อ่านเคล็ดลับความงามและไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่นทั้งหมด<<